(Initial Coin Offerings) รวมไปถึงการดำเนินการขององค์กรหรือบุคคลทั่วไป ที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับ ICO จะไม่สามารถดำเนินต่อได้ เพราะถือว่าผิดกฎหมายในประเทศจีน
โดยเพิ่งจะเริ่มมี Blockchain โปรเจค เพื่อระดมทุนทาง ICO ไม่เท่าไร ก็ถูกทาง PBoC บังคับให้ยกเลิก และนำเงินทั้งหมดที่ลงทุน คืนกลับเป็น Bitcoin และ Ethereum แก่ผู้ลงทุน เพื่อความปลอดภัยของผู้ลงทุน โดย CnLedger แหล่งข่าวกรองที่เชื่อถือได้ ได้ออกมารายงานเกี่ยวกับเรื่อง cryptocurrency ดังนี้
ทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ได้ออกมาประกาศแบนการลงทุนใน ICO แล้ว โดยนับจากนี้จะไม่อนุญาตให้ องค์กรและบุคคลใดใดในประเทศจีน ทำการระดมทุนผ่าน ICO อีก ถึงแม้ว่า โปรเจคในการระดมทุนจะมีการเปิดให้แลกเปลี่ยนเป็นเหรียญ ก็ไม่อนุญาตเช่นกัน ซึ่งเงินทุนที่ได้มีการระดมมาแล้วส่วนนึง จะต้องถูกนำไป ‘ตรวจสอบ’ และคืนกลับให้นักลงทุนทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของนักลงทุน
โดย Blockchain โปรเจค เช่น Health Mutual Society ได้ทำเริ่มทำการคืนเงินเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ให้กับนักลงทุนที่ได้ทำการระดมทุนมาแล้ว ในรูปแบบ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งทาง Blockchain โปรเจค ได้ออกมากล่าวว่า
ทางเราได้ให้ความร่วมมือกับทางธนาคารและกระทรวงต่างๆในประเทศจีน แล้ว รวมไปถึงได้ร่วมสืบสวน และการจัดรูปแบบองค์กรใหม่ โดยทาง HMS ได้ออกประกาศว่า เราจะยกเลิกการจำหน่าย ICO บนเว็บไซด์ ICOINFO และยกเลิกกระบวนการทั้งหมด โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนมาก่อนแล้ว จะโอนคืนกลับไปที่บัญชีของนักลงทุนทุกคน ซึ่งการคืนเงินดังกล่าวนี้จะประกาศให้ทราบโดยทั่วไป ในการประกาศครั้งต่อไปของ ICOINFO
ซึ่งผลกระทบที่ได้จากการแบนของรัฐบาลจีนนั้น ทำให้ราคาตลาด cryptocurrency นั้นดิ่งลงต่ำอย่างมาก โดยเฉพาะตัวBitcoin และเหรียญของ Ethereum ที่มูลค่าในตลาดรวมร่วงลดลงกว่า 6,000 ล้านดอลล่าสหรัฐ ภายใน 1 วันเลยทีเดียว ในขณะที่ราคาของ Bitcoin เพียงอย่างเดียว ก็ทิ้งตัวลงมาอยู่ที่ 4,161 ดอลลาร์สหรัฐ
จากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาด ICO ทั่วโลก
โดยทาง SEC ของสหรัฐ และ PBoC ของประเทศจีน ได้เริ่มสืบสวนองค์กร หรือบริษัทต่างๆ ที่ทำการขาย ICO เพื่อระดมทุนแล้ว ซึ่งการที่ประเทศจีนออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ อาจจะทำให้ประเทศอื่นๆเริ่มทบทวนถึงมาตรการของประเทศตนเองบ้างแล้ว
ซึ่งบริษัท EOS ที่เป็นผู้ริเริ่มการระดมทุนผ่านทาง ICO ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับเงินจากการระดมทุนไปแล้ว กว่า 180 เหรียญ ดอลล่าร์สหรัฐ ได้ตัดสินใจสำนักงานไปที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆทางยุโรป เช่น ประเทศอังกฤษ ที่มีกฎหมายเอื้อต่อ บริษัททางด้าน Blockchain มากกว่า โดยในโปรเจคระดมทุนของ EOS พวกเขาได้ประกาศ “ข้อตกลงในการซื้อเหรียญ” โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้
การใช้ เหรียญ EOS นั้นไม่สามารถที่จะการใช้งานได้ หรือไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่อง และเกี่ยวข้องกับลูกเล่นต่างๆทั้งหมด ถึงแม้ว่าเหรียญ EOS จะสามารถถูกซื้อขายได้ แต่มันไม่ถือเป็นการลงทุนทั้งในเรื่องการลงทุนทางสกุลเงิน หรือทางสินทรัพย์ และไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราสกุลเงินอื่นๆ เพื่อการลงทุนด้านสินทรัพย์ หรือแม้กระทั่งไม่มีผลต่อผลิตภัณฑ์ด้านการเงินทุกชนิด
ซึ่ึ่งประกาศของทาง EOS ที่ออกมานั้น ขัดแย้งกับทาง SEC อย่างชัดเจน รวมไปถึงนโยบายของกฎหมายสหรัฐ ที่ออกมาห้ามไม่ให้ประชาชนของตน เข้าร่วมการซื้อขาย ICO
โดยมีคนเชื่อว่า บริษัททางด้าน Blockchain ในประเทศจีน สามารถที่จะทำตามแบบบริษัท EOS ได้ คือการย้ายสำนักงานไปตั้งยังประเทศในแถบยุโรป ที่กฎหมายเอื้อต่อการจัดตั้งมากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายในประเทศ
ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นาย Antonopoulos หนึ่งในผู้เชียวชาญทางด้านความปลอดภัยของ Bitcoin ได้ออกมาประนามเรื่อง การแบนและการขัดขวาง ความก้าวหน้าของบริษัททางด้าน cryptocurrency ของประเทศจีน และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ว่า
จริงๆแล้ว รัฐบาลสามารถที่จะเลือกอยู่เฉยๆก็ได้ และมันก็เป็นทางเลือกก็ดีด้วย แต่การที่รัฐบาลออกมา แบนการค้าขายและการระดมเหรียญ CRYPTOCURRENCY ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมแบบที่ประเทศออสเตรเลียทำ โดยการขึ้นภาษีการทำธุรกรรมผ่านเหรียญ CRYPTOCURRENCY ทุกประเภทนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ ซึ่งก็มีทางเลือกที่ดีกว่า เพียงแค่คุณเพิกเฉยและไม่ให้ทางธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้องใดใด หลีกทางให้บริษัทเหล่านี้เติบโตตามครรลองที่ควรจะเป็น
โดยนักลงทุนหลายฝ่าย เชื่อว่า เหตุการณ์นี้อาจจะมีประเทศสหรัฐและประเทศอื่นๆเข้าร่วมด้วยในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อบริษัทที่ต้องย้ายสำนักงานไปยังประเทศอื่นๆ ที่กฎหมายเอื้ออำนวย เพื่อเปิดระดมทุน ICO และพัฒนาต่อไป